นิทานไทย นิทานพื้นบ้านสนุก ๆ ให้แง่คิด สอนใจลูกทุกวัย

นิทานพื้นบ้านสนุก ๆ หรือนิทานพื้นบ้านนั้น เป็นหนังสืออีกหนึ่งประเภทที่แฝงด้วยคติสอนใจ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้ข้อคิดดี ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาเล่าให้เด็ก ๆ ได้ฟังที่นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถนำมาแง่คิดมาเป็นคำสอนให้ลูกได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยนิทานพื้นบ้านไทยนั้นถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บอกเล่าสู่รุ่นต่อรุ่น และแต่ละท้องถิ่นก็มีนิทานเรื่องเล่าที่แตกต่างกันออกไป

 

นิทานพื้นบ้านสนุก ๆ เรื่องจระเข้สามพัน

 

นิทานพื้นบ้านสนุก ๆ ในแม่น้ำสายหนึ่งมีจระเข้ชุกชุมถึงสามสายพันธุ์ด้วยกัน จึงทำให้ไม่มีใครกล้ามาจับปลา มีเพียงตาอยู่คนเดียวเท่านั้นที่คลุกคลีกับจระเข้และจับปลามาขายได้ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนที่ใช้แม่น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตไม่ได้ เรื่องนี้จึงร้อนถึงหูพระราชา ตาอยู่จึงได้บอกกับพระราชาไปว่า ได้ เลี้ยงจระเข้ ตัวหนึ่งตั้งแต่ยังเล็กมันจึงไม่ทำร้าย ส่วนจระเข้ตัวอื่นถ้ามันกินอิ่มมันก็จะไม่ทำร้ายคน

พระราชาจึงได้มีพระราชโองการสั่งให้เสมียนไปนับจำนวนจระเข้เพื่อที่จะได้นำอาหารไปเลี้ยงพวกมันได้อย่างทั่วถึง เสมียนทั้งสามคนก็พยายามนับจระเข้ที่อยู่ทั้งบนบกและในน้ำ สุดท้ายก็นับจระเข้ได้คนละหนึ่งพันตัว รวมทั้งหมดมีจระเข้ถึงสามพันตัว และพระราชาก็ได้สั่งให้เลี้ยงอาหารจระเข้จนอิ่มและไม่ออกมาทำร้ายชาวบ้าน และหากินในแม่น้ำแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข นิทานเรื่องนี้เป็นตำนานหรือนิทานพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี จนกลายมาเป็นชื่อตำบลจระเข้สามพันจนถึงทุกวันนี้

 

นิทานเรื่องเศรษฐีกับยาจก

 

มีชายสองคนที่มีฐานะต่างกัน ทั้งสองได้เป็นเพื่อนกัน ชายคนแรกมีฐานะร่ำรวย แต่อาศัยอยู่ตามลำพัง ไม่มีญาติพี่น้อง ส่วนชายคนที่สองมีครอบครัวที่อยู่อย่างมีความสุขแต่มีฐานะยากจน ชายคนแรกได้บอกว่า ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่คิดอิจฉา

ด้วยความที่มี ทรัพย์สินเงินทอง ให้ใช้มากมาย ส่วนชายคนที่สองก็บอกว่า ไม่เคยคิดอิจฉาเช่นกัน เพราะมีครอบครัวที่ดี มีลูกคอยดูแล ชายทั้งสองต่างก็พยายามพูดให้อิจฉาในชีวิตในแบบของตนโดยไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดชายคนที่สองจึงออกความเห็นให้ต่างฝ่ายต่างมากินข้าวที่บ้านของแต่ละคน

เมื่อชายคนที่สองได้ไปกินข้าวที่บ้านชายคนแรกก็พบว่าบ้านของชายคนแรกมีของใช้ของกินมากมาย แต่กลับต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นที่จะต้องทำอะไรคนเดียว และเมื่อชายคนแรกไปกินข้าวที่บ้านของชายคนที่สองก็พบว่า เขาไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะมีลูก ๆ คอยช่วยเหลืองานบ้านต่าง ๆ และกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

 

นิทานเรื่องทิศกับโทน

 

มีชายสองคนเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ ชื่อ ทิศกับโทน แต่ก็มีนิสัยที่ต่างกัน ทิศมีนิสัยโลภมาก ส่วนโทนเป็นคนขี้อิจฉา วันหนึ่งทั้งสองมีความทุกข์จึงพากันไปไหว้เจ้าปู่พญานาคที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนับถือ เจ้าปู่รู้ว่านิสัยของทั้งสองเป็นอย่างไร

จึงปรากฏตัวและบอกว่า “จะให้พรวิเศษแก่คนแรกที่ข้อ ส่วนอีกคนก็ได้ผลเป็นสองเท่าของคนแรก” ทิศผู้โลภมากจึงบอกให้โทนขอก่อน ส่วนโทนขี้อิจฉาก็รู้ทันเลยขอว่า “ขอให้ตัวเองตาบอกข้างหนึ่ง” เจ้าปู่จึงให้พรตามคำขอ ผลก็คือความโลภทำให้เจ้าทิศตาบอดสองข้าง และเจ้าโทนก็ต้องตาบอดข้างหนึ่ง เป็นการสั่งสองให้ทั้งคนโลภและคนขี้อิจฉา นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโลภและความอิจฉาจะนำความเสียหายมาสู่ตัวเองได้

 

นิทานเรื่องพญาคันคาก

 

พญาแถนเป็นผู้ควบคุมฟ้า คอยปัดเป่าทุกข์บำรุงสุขชาวบ้านอยู่เสมอ จึงเป็นที่สักการะนับถือของชาวบ้านอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นผู้เปิดประตูให้เหล่าพญานาคมาเล่นน้ำ ทำให้เกิดฝนตกในเมืองมนุษย์ ส่วนพญาคันคากนั้นเมื่อแรกเกิดมีผิวบนร่างกายตะปุ่มตะป่ำเหมือนคางคก

แต่เมื่อโตขึ้นก็ได้กลายเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามและปุ่มตามตัวก็หาไป และได้ปกครองบ้านเมืองด้วย ทศพิศราชธรรม บ้านเมืองมีความสุข แต่ทั้งสองกลับมาต่อสู้กันด้วยอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ เนื่องจากพญาแถนไม่ทำให้ฝนไม่ตกถึง 7 ปี และในที่สุดพญาแถนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

จึงมีการทำข้อตกลงร่วมกัน โดยพญาคันคากได้ขอร้องให้พญาแถนช่วยเปิดปล่องน้ำเพื่อให้พญานาคมาเล่นน้ำเพื่อฝนจะได้ตก โดยทำข้อตกลงในการเปิดปิดปล่องเป็นเวลาเพื่อไม่ให้น้ำไหลมากไป โดยให้สัญญานเป็นการจุดบั้งไฟขึ้นมาในเเดือน 6 ซึ่งเป็นฤดูทำนา เมื่อฝนตกลงมากบก็จะร้องระงม และเมื่อน้ำมากพอก็จะแกว่งโหวดเพื่อให้ฝนหยุด นิทานเรื่องนี้จึงเป็นตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อขอฝนเพื่อเป็นการสักการะบูชาถึงพญาแถน.

 

นิทานเรื่อง เกาะหนู เกาะแมว

 

นิทานพื้นบ้านสนุก ๆ ตำนานของเกาะหนู เกาะแมว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสงขลา ที่เล่าว่า..เมื่อนานมาแล้วยังไม่มีเกาะหนูเกาะแมวเกิดขึ้นนั้น ที่นี่เคยเป็นเมืองท่าสำคัญที่มีการค้าขายมากมาย และพ่อค้าชาวจีนก็ได้นำหมาและแมวคู่หนึ่งขึ้นเรือสำเภามาด้วย

พวกมันทั้งคู่ต่างก็อยากกลับบ้าน จนได้ค้นพบความลับว่ามี ลูกแก้ววิเศษ ที่ทำให้ไม่จมน้ำ และให้เจ้าหนูไปขโมยลูกแก้ววิเศษนั้นมา แต่ทว่าเจ้าหนูกลับนำลูกแก้ววิเศษหนีลงทะเลซะเอง การไล่ล่าของเจ้าแมวและหนูกลางทะเลจึงเริ่มต้นขึ้น

ส่วนเจ้าหมาตัดสินใจที่จะว่ายไปฝั่งข้างหน้า ในที่สุดเรี่ยวแรงจากการล่าและหนีก็ทำให้พวกมันจมลงสู่ทะเล และได้เกิดความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเลขึ้น คือได้เกิดเกาะหนูซึ่งมีลักษณะเหมือนหนู และเกาะแมวที่มีลักษณะเหมือนแมว ส่วนเจ้าหมาขาดใจตายเมื่อว่ายถึงฝังกลายเป็นกลายเป็นเป็นเขาตังกวน และลูกแก้ววิเศษแตกละเอียดและถูกคลื่นซัดกลายเป็นหาดแก้วที่สวยงามในปัจจุบัน.

 

บทความแนะนำ